
ช่วงเวลาวันแรกได้พบว่าตัวเองใช้ชีวิต ทำงาน และเรียน โดยลืมยึดหลักศีล สมาธิ ปัญญา ตามที่ได้เรียนรู้จากคุรุหลายๆท่าน บางครั้งก็คิดมากไป แม้แต่เรื่องง่ายๆในชีวิต เรื่องการหาความสุขในปัจจุบัน ก็ไม่ได้ "ใช้ใจ" ในการหาความสุข พอกลับมาใช้ใจมากขึ้น ความสุขมันก็อยู่ในตัวเราตลอดเวลาอยู่แล้ว เรามี เราอยู่กับความสุขในแบบของเรา แต่กลับไม่รู้ตัว มัวแต่ไปคิด ตามหาความสุขนอกตัว ใช้เวลากับนิยามของความสุข สร้างรูปแบบ ตั้งเป้าหมาย วางแผน ทำสิ่งต่างๆเพื่อกาความสุขบนความสำเร็จรูปแบบต่างๆ แต่ที่แท้เรามีพอพอเพียงแล้ว นอกจากใช้ใจ คุณแม่ยังสอนเรื่องการกราบพระอย่างมีความสุข การแปรงฟันอย่างมีความสุข
กิจกรรมที่ประทับใจในวันที่สองคือการเดินอย่างมีสติ ตามรู้ตัวเอง โดยการเดินแถวเรียงหนึ่งจากสวนพุทธธรรมไปและกลับตลาดบางปะหัน ระยะทางทั้งหมดกว่าห้ากิโล โดยมีกฎกติกาว่า ห้ามทุกคนพูดคุยกัน...ระหว่างทาง ดังนั้นหกโมงเช้า พวกเราเริ่มออกเดินแถวเรียงหนึ่งผ่านบ้านเรือน เป็นบ้านไม้สมัยเก่าบ้าง บ้านสมัยใหม่บ้าง ผ่านวัด โรงอิฐ ร้านค้า...เดินมองข้างทางและคิดไปเรื่อยๆ คิดถึงบ้านที่ต่างจังหวัด เห็นดอกไม้ที่ปลูกตามต่างจังหวัด ดอกชบา ดอกเข็ม เห็นวิถีชีวิตของคนในชุมชนตอนเช้า คนหนุ่มสาวไปทำงาน เด็กๆไปโรงเรียน คนแก่นั่นถางหญ้า บางกลุ่มจับกลุ่มคุยกันบ้าง ทานกาแฟบ้าง มีเสียงนกร้อง จิ้งหรีดร้อง มีหมาเห่าพวกเราตลอดทาง และลมเย็นพัดโชยตลอดทาง สิ่งที่เห็นคือชาวบ้านซึ่งเดี๋ยวนี้ขับรถ ขี่มอเตอร์ไซด์กันทั้งนั้น ไม่ค่อยมีคนเดินอย่างเรา และ..เวลาชาวบ้านเห็นพวกเรา เขาไม่ได้รู้สึกว่าพวกเราที่เดินผ่านนั้นเป็นเรื่องแปลก อาจเนื่องจากคุณแม่อมราท่านจัดกิจกรรมบ่อยครั้งแล้วจนชาวบ้านเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดา ที่ตลาดพวกเราเริ่มหาพลาสเตอร์ยา บางคนซึ้อถุงเท้า รองเท้าแตะ พวกเราล้วนอดทนในสิ่งเดียวกันคือถูกรองเท้ากัดซะถลอกปอกเปิก เจ็บไปหมด แต่..เราก็ผ่านมันมาได้ กิจกรรมนี้ทำให้ได้พบว่า "เรามองดูทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว แต่บางครั้งลืมมองดูใจตัวเอง" บางทีเราก็กลับไปในอดีต คิดถึงอนาคต มองดูคนอื่นๆ สิ่งอื่นๆรอบๆตัว คิด..อยาก..และฟุ้ง...จนไม่ได้หันกลับมามองดูที่ตัวเอง อยู่กับใจตัวเองบ้าง กิจกรรมวันนี้ สอนให้รู้เรื่องสำคัญคือ "สติ"
วันที่สามเป็นวันที่ปลดปล่อยตัวเองไปบ้าง ได้ฟังแก่นคำสอนเรื่อง "รู้" และได้เข้าใจความแตกต่างระหว่าสติสามัญกับมหาสติที่ตั้งอยู่บนหลักศีล สมาธิ ปัญญา ได้เห็นถึงความฟุ้งซ่าน หมกหมุ่น เครียด คิด จ้อง จม เผลอ ใจลอย ดังนั้นจึงตั้งใจว่าจะนำสิ่งที่ได้รับทั้งหมดนี้มาฝึกปฏิบัติ ย้อนกลับมา "รู้ตัวเอง" เตือนสติตัวเอง ในขณะที่ทำงานตามบทบาทหน้าที่ต่างๆในชีวิต ถึงแม้ว่าการรู้เท่าทันตนเอง การมีสติเป็นสิ่งที่ยังห่างไกล...ก็คงต้องฝึกฝนต่อไป...เพราะคุณแม่อมราสอนว่า "คนดีก็มีทุกข์ ชีวิตคนเรา จึงต้องฝึกสติให้ใจผ่องใส"